ระบบ Sotus เผด็จการซ่อนรูปในหมู่ปัญญาชน
ระบบ Sotus เผด็จการซ่อนรูปในหมู่ปัญญาชน
หลักอ้างอิง: อักษรสีฟ้าเป็นลิงค์ที่อ้างอิง
SOTUS การสืบทอดระบบขูดรีด
เดือนมิถุนายน เดือนนรกที่ให้รุ่นพี่เลวใช้กดขี่นักศึกษาใหม่เวียนมาบรรจบอีกแล้ว ตลอดเดือนนี้หากไปเดินดูตามมหาวิทยาลัยต่างๆ จะพบว่าช่วงเขากำลังต้อนรับน้องใหม่ แต่ไม่ใช่การร้องรำทำเพลงสนุกสนานแบบที่เราเห็นในทีวีตอนเอ็นท์ติดใหม่ๆ อีกแล้ว เดือนนี้เป็นเดือนนรกสำหรับนักศึกษาปี1เพราะพวกเขาจะถูกรุ่นพี่กดขี่เยี่ยงทาส ราวกับรุ่นพี่ได้รับอำนาจจากฮิตเลอร์ให้มาลงโทษเชลย มันคือมิถุนาทมิฬในเดือนมิถุนาทมิฬจะมีการเปิดห้องเชียร์ ให้นักศึกษาปี 1 เข้าไปนั่งในห้องเรียนแคบๆให้รุ่นพี่ใช้อำนาจภายใต้ระบบโซตัส (SOTUS) ทำการ ว้าก หรือการตะคอกข่มขู่ เสียดสีดูถูกต่างๆ นานาราวกับน้องไม่ใช่คน มีการบังคับให้น้อง บูมหรือตะโกนดังๆ ในเพลงที่ร้องแทบไม่เป็นสำเนียงที่เริ่มต้นเป็นเสียงหวีดร้องของผู้หญิง ตามมาด้วยการเลียนเสียงระเบิดของผู้ชาย ตามด้วยภาษาคนป่าอีกสองวรรค แล้วก็ภาษาต่างด้าวยุโรป แปลออกมาจากน้ำเสียงที่โอหังว่า “ข้าคือใคร ข้าจะบอกให้ก็ได้
(แล้วก็ลงชื่อสถาบัน)” ลงท้ายด้วยเสียงหวีดร้องและเสียงเลียนแบบระเบิด และปรบมือให้ตัวเอง ที่เก่งกล้า ตะโกนอะไรบ้าๆทำนองนี้ออกมาได้ และดัง!?นอกจากนั้นแล้วก็จะถูกบังคับให้ร้องเพลงซ้ำๆซากๆ ถ้าไม่ใช่เพลงที่มีเนื้อหาลามกชักชวนให้ร่วมเพศก็เป็นเพลงที่มีเนื้อหาโอ้อวดเชิดชู ว่าสถาบันกูแน่ ข้าเป็นใหญ่ ใครมาลองดี มีหวังตาย เพราะข้าพร้อมพลีชีพเพื่อคณะ เพื่อสถาบันของข้า ทั้งหมดนี้น้องจะต้องร้องซ้ำไปซ้ำมา จนกว่ารุ่นพี่จะพอใจร้องดีก็ด่า ร้องไม่ดีก็ด่า หากรุ่นพี่ไม่พอใจ ก็สั่งน้องมุดโต๊ะกลิ้งไปมากับพื้นห้อง หรือสั่งให้มอบกองรวมๆ กัน รุ่นน้องจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับเชลย
นอกจากนี้ ยังมีการบังคับรุ่นน้อง ให้ทำอะไรแปลกๆ พิเรนทร์ๆ ที่คนปกติไม่ทำกัน ตามแต่รุ่นพี่จะคิดเช่น ให้คลานลอดหว่างขารุ่นพี่, ให้น้องผู้หญิงปิดตาแล้วเอาเงาะลอดขากางเกงน้องผู้ชาย จากขากางเกงซ้ายทะลุขากางเกงขวา, ให้ผู้ชายแต่งตัวแบบซุปเปอร์แมน คือให้ถอดกางเกงต่อหน้ารุ่นพี่เพื่อเอากางเกงในออกมาใส่ข้างนอก, ให้อมลูกอมแบบปากต่อปากต่อๆกัน, ให้น้องผู้หญิงไปอยู่ในน้ำเพราะรุ่นพี่ชายอยากดูหุ่น ฯลฯ แล้วแต่รุ่นพี่จะคิด อยากให้น้องทำอะไร ซึ่งดูๆ แล้ว ไม่ผิดอะไรกับการทรมานคนอิรัก ในเรือนจำอาบู - กราอิบ หรือว่ามันมาจากวิธีคิดเดียวกัน!!!
SOTUS มันมาจากไหน
ระบบโซตัส เกิดขึ้นจากระบบอาวุโสในโรงเรียนกินนอนของอังกฤษ (Public School) ทั้งสถาบันของพลเรือนอย่าง Oxford และ Cambridgeและโรงเรียนนายร้อย Sand Hurst ที่ฝึกคนไปปกครองอาณานิคม ประมาณปี 1850 โรงเรียนทหารของสหรัฐจึงนำไปพัฒนาเป็นระบบโซตัส ที่เข้มข้นขึ้นเพื่อใช้ฝึกให้นักเรียนนายร้อยเหล่านี้มีความสามัคคี เข้มแข็งโดยมี ประเพณีรับน้องใหม่(Initiation ritual)ที่ทดสอบความอดทน ของน้องใหม่ มีการขู่ตะคอก (Scold) หรือว้ากหรือการดูหมิ่นต่างๆ เป็นต้นต่อมาระบบนี้ก็ได้แพร่หลายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐ มีการตั้งกลุ่ม Fraternity ของนักศึกษาชาย และกลุ่ม Sorority ของนักศึกษาหญิง ซึ่งกลุ่มทั้ง 2 แบบก็จะมีการรับน้องของกลุ่ม และระบบนี้ก็ถูกนำไปใช้ทีUniversity of the Philippineshttp://www.upd.edu.ph/ (UP) หลังจากที่ฟิลิปปินส์ ตกเป็นอาณานิคมของสหรัฐนิคมของสหรัฐในปี ค.ศ. 1900โซตัสลามเข้าไทย เมื่อมีการก่อตั้งวชิราวุธวิทยาลัยตามแบบ
โรงเรียนกินนอนในอังกฤษ เมื่อมีการตั้งโรงเรียนนายร้อยสำหรับฝึกทหารและตำรวจ เพื่อส่งคน
ไปปกครองตามหัวเมืองต่างๆ และดินแดนอดีตอาณานิคมของสยาม อย่างล้านนา อีสาน มลายูปัตตานี ที่ทั้งหมดเพิ่งถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติสมัยใหม่หลัง ร.5 เป็นต้นมา
เมื่อก่อตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือนซึ่งต่อมากลายเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบบอาวุโสถูกนำไปใช้ที่นั่น และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการส่งคณาจารย์รุ่นแรกๆ ไปเรียนเกษตรที่ http://www.cornell.edu/ สหรัฐอเมริกา กับ University of thePhilippines ที่ฟิลิปปินส์ ระบบโซตัสจึงเริ่มที่มหาวิทยาลัยเกษตร และแพร่ขยายไปทั่วประเทศลามไปที่จุฬาด้วย ขณะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งตามแบบมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และการเมือง (Ecole des Sciences et Politiques) ของฝรั่งเศสจึงไม่มีระบบนี้ โดยมหาวิทยาลัยในภาคพื้นยุโรป จะไม่มีการรับน้อง ไม่มีระบบอาวุโส หรือยึดติดกับสถาบันมากเท่าพวกอังกฤษและ
อเมริกา (Anglo-Saxon)
*มีอะไรอยู่ใน SOTUS*
โซตัส มีอักษรย่อ 5 ตัว SOTUS คือ
1.S = Seniority เคารพผู้อาวุโส
2.O = Order ต้องทำตามคำสั่งผู้อาวุโส ต้อง
3.T = Tradition ทำตามประเพณีที่ผู้อาวุโสคิดเอาไว้
4. U = Unity
ต้องคิดเหมือนๆกันอย่างเป็นเอกภาพห้ามคิดต่าง และ 5.S = Spirit พร้อมพลีชีพเพื่อสถาบันระบบโซตัส คือแนวคิดที่อังกฤษและอเมริกาใช้ปกครองคนในอาณานิคม คือแนวคิดที่อยู่ในหัวของชนชั้นปกครองไทย โซตัสทำให้เห็นคนอื่นไม่ใช่คน เห็นว่ามึงไม่เหมือนกู มึงไม่เท่าเทียมกู ดังนั้นกูจะทำอะไรกับมึงก็ได้เข้าใจไหม ดังนั้นรูปธรรมของโซตัสที่เราเห็น คือสงครามเวียดนามที่นายทหารสหรัฐสั่งพลทหารล้อมฆ่าคนเวียดนามที่ไม่มีอาวุธ คือการทรมานนักโทษอิรักในเรือนจำอาบู - กราอิบ คือการสั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตูาคม 2516 ใน 6 ตุลา 2519 ในพฤษภาทมิฬ 2535 และล่าสุดคือการใช้รถหุ้มเกราะ และอาวุธนานาชนิดถล่มมัสยิดกรือเซะ โดยที่คนมลายูปัตตานีที่อยู่ในกรือเซะ ไม่มีสิทธิแม้แต่จะขอมอบตัว
*ที่จริงแล้ว SOTUS มันน่าจะเป็น 1.Stupid โง่ 2.Out-Dated ล้าสมัย 3.Tyranny
เผด็จการ 4.Uncivilized ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม 5.Stop It เลิกเถิดเรื่องโง่ๆ ไร้สาระมากกว่า เพราะ SOTUS ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เลย* ในสมัยสงครามเย็น สหภาพโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถาน หน่วยสืบราชการลับ CIA ของสหรัฐเข้าไปตั้งกลุ่มมูจาฮิดิน (นักรบศักดิสิทธิ์) เพื่อต่อต้านโซเวียต จนกลายเป็นอัลกออิดะห์ เป็นหอกทิ่มอเมริกาในปัจจุบัน ทั้งนี้อัลกออิดะห์ ที่เรียกร้องให้ทำสงครามพลีชีพ ก็ไม่ผิดอะไรกับรุ่นพี่โซตัสที่ให้น้องร้องเพลงเชียร์ที่มีเนื้อหาให้ยอมพลีชีพหากคู่อริมาลองดี ที่น่าสนใจคือ ทั้งอัลกออิดะห์ และรุ่นพี่โซตัส ได้ไอเดียมาจากที่เดียวกัน คือ อเมริกา!!
*SOTUS กับการสืบทอดระบบขูดรีดของทุนนิยม*
รุ่นพี่ได้พยายามเชื่อมโยงโซตัส ให้เข้ากับวิถีการผลิตปัจจุบัน เพราะการผลิตสมัยใหม่ต้องการคน
จำนวนมากๆ ป้อนเข้าสู่ระบบสายพาน นักศึกษาที่เรียนจบก็ต้องเข้าไปทำงานในสำนักงาน ในโรง
งาน หรือเป็นไปเป็นข้าราชการ รุ่นพี่มักอ้างว่าการรับน้องเป็นไปเพราะพี่รักน้องจริงๆ แต่จริงๆคำ
ว่ารักของรุ่นพี่เป็นเพียงลมปาก ที่จริงแล้วเขามักขู่รุ่นน้องเวลาเลิกการรับน้องในทุกๆวันว่า หากรุ่น
น้องไม่เชื่อฟัง จะถูกลอยแพ จะทำให้
1) ไม่มีใครสมาคมด้วยในมหาวิทยาลัย และรุ่นพี่จะไม่ให้ยืมสมุดหนังสือ
2) จบออกไปแล้ว เครือข่ายของรุ่นพี่ศิษย์เก่าจะทำให้รุ่นน้องที่จบไปไม่มีงานทำ
ซึ่งมันได้ผลมากในการ “เอาความไม่แน่นอนของการผลิตแบบทุนนิยม มาตั้งเงื่อนไขเพื่อกดขี่รุ่นน้อง”นอกจากนี้รุ่นพี่มักอ้างว่าการฝึกรุ่นน้องให้อดทน เพราะรุ่นน้องเรียนจบออกไป จะได้เป็น “เจ้าคนนายคน” จะได้ “คุมคนงาน” ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนงานเหมือนกัน!!! ระบบโซตัสที่ส่งเสริมให้รักพวกพ้อง รักสถาบัน แทนที่จะบอกให้รุ่นน้องสามัคคีกันต้านนายทุน มันจึงเหมือนกับแนวคิดชาตินิยม ที่พวกนายทุนใช้เพื่อยุแยงให้กรรมาชีพรักชาติจะได้ฆ่ากันเองในสงครามโลก เพื่อปกป้องนายทุนโซตัสจึงเป็นการขูดรีดสามรอบ รอบแรก รุ่นพี่ให้เราจ่ายค่าคุ้มครอง ด้วยการแลกศักดิ์ศรีการเป็นมนุษย์ ให้พวกมันรับน้อง เพื่อประกันว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัย และได้งานทำ ฟังดูแล้วไม่ผิดอะไรกับพ่อเล้าเรียกเก็บค่าคุ้มครองคนที่ทำงานบริการเพศ หรือพวกเก็บค่านายหน้าคนงานไปทำงานต่างประเทศ การขูดรีดรอบสอง หลักประกันสำหรับนายจ้างว่า พวกที่ผ่านโซตัสมาแล้วจะ
1)จะไม่กล้าหือต่อนายจ้าง นายจ้างจะใช้ทำโอทีอย่างไรก็ได้ และคนงานที่ผ่านระบบโซตัสจะไม่หัวหมอ กล้าต่อรองสวัสดิการและเงินเดือน
2)ที่สำคัญคนงานที่จบจากมหาวิทยาลัย แล้วได้คุมคนงานพื้นฐานอีกทีหนึ่ง พวกนี้จะใช้หลักสูตรโซตัส เป็นมือเท้าให้กับนายจ้างคอยกำราบคนงานพื้นฐานไม่ให้ต่อรอง และการขูดรีดรอบสาม หากรุ่นน้องยอมจำนนต่อระบบไปแล้ว ระบบโซตัสก็จะได้ทายาทเพื่อสืบทอดการทรมานทาสในรุ่นต่อๆ ไป เป็นการช่วยกันสืบทอดระบบขูดรีดของทุนนิยม โซตัสเป็นลัทธิยอมจำนนต่อระบบทุนนิยม แทนที่ปล่อยให้เกิดการคิดอ่านเพื่อทำลายระบบบ้าบอนี้เสีย
*มิถุนาทมิฬ โศกนาถกรรมทางการเมืองที่ซ้ำซาก*
มิถุนาทมิฬ ไม่เหมือนพฤษภาทมิฬ เพราะมิถุนาทมิฬ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุก ๆ ปีซึ่งอาจเกือบศตวรรษนับแต่ที่มีมหาวิทยาลัยในเมืองไทย ผู้ต่อต้านระบบโซตัสมักถูกต่อต้านจากรุ่นพี่ที่ไม่ใช้การกดดันก็ใช้มาตรการรุนแรงจัดการ 23 ตุลาคม พ.ศ.2496 ฝ่ายซ้ายอย่าง จิตร ภูมิศักดิ์สมัยเป็นนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ถูกพวกนิยมโซตัสจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จับโยนบก (โยนจิตรจากเวทีลงพื้น)เสกสรร ประเสริฐกุล อดีตผู้นำนักศึกษาสมัย 14 ตุลา เคยต่อต้านพิธีรับน้องกลางงานจนมีเรื่องกับรุ่นพี่ ธเนศวร์ เจริญเมืองและพรรคพวกรวมเงินกัน พิมพ์ใบปลิวประท้วงห้องเชียร์คณะรัฐศาสตร์แจกไปทั่วจุฬาฯ ช่วงต้นๆ พ.ศ. 2510 จนถูกรุ่นพี่กดดัน ช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีการออกหนังสือ อาทิ“หนุ่มหน่ายคัมภีร์” ของ สุจิตร วงศ์เทศ และ “ฉันจึงมาหาความหมาย” ของ วิทยากร เชียงกูลซึ่งมีเนื้อหาเสียดสี และประชดประชันระบบโซตัส
หลัง 14 ตุลา 2516 การเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เป็นประเด็นทางการเมืองสำคัญของชนชั้นล่างอย่างชาวนาและคนงาน ยุคนี้เป็นยุคตื่นตัวทางสังคมของนักศึกษา เริ่มมีขบวนการนักศึกษาที่ปฏิเสธความโง่ และความป่าเถื่อนของระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ประเพณีต่างๆ ที่พวกพี่ๆ โง่ นำมาใช้ในสมัยเผด็จการทหารก็เลยกลายเป็นเรื่องตลก และถูกยกเลิกไป กิจกรรมนักศึกษาเน้นหนักไปในแนวทาง “ต่อสู้เพื่อผู้ถูกกดขี่” ค่ายอาสาฯ ได้รับความนิยมกว่าห้องเชียร์ ดังนั้นมิถุนาทมิฬจึงเงียบหายไปจาก
มหาวิทยาลัยในช่วง พ.ศ.2516-2519 เป็นเวลา 3 ปี เหลือเพียงบางคณะในมหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ที่มีการรับน้องด้วยโซตัส
ปัจจุบันผ่านไปแล้ว 30 กว่าปี โซตัสมันกลับมาอีก สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะนักศึกษาโง่หรอก แต่เพราะชนชั้นปกครองไทยอยากให้โง่ต่างหาก การเริ่มเคลื่อนไหวทางสังคมของนักศึกษากับประชาชนหลังสมัย 14 ตุลา ชนชั้นปกครองกลัวว่าจะปกป้องอภิสิทธิ์ไม่ได้ จึงมีคำสั่งร่วมลงมาให้สังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และมีคำสั่งตามมาให้เผาหนังสือที่อาจปลดแอกพวกเราจากความโง่ตามห้องสมุด ต่างๆ ด้วยหลัง 6 ตุลาคม 2519 กิจกรรมรับน้องไร้สาระกลับมาอีก ผู้บริหารมหาวิทยาลัยดูจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่กำราบจริงจังกับกิจกรรมโซตัสพวกนี้ เพราะโซตัสได้ทำลายจินตนาการ และพลังการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว ไม่ให้มาสนใจกับปัญหาเศรษฐกิจการเมืองหรือแม้แต่เรื่องใกล้ตัวในมหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งผู้บริหารมหาวิทยาลัยและชนชั้นปกครองก็สมประโยชน์ทั้งคู่ กิจกรรมนักศึกษาที่มีต่อสังคม จึงอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ การปฏิรูปการเมือง และการต่อต้าน โลกาภิวัฒน์ นักศึกษาส่วนใหญ่จึงไม่สนใจ
*อนาคตของ SOTUS นักศึกษาผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลายจงตื่นเถิด*
เราไม่ควรลืมประวัติศาสตร์ของเราเอง ในปี 2475, 2516 และ 2535 มวลชนชาวไทยรวมตัวกันล้มระบบเผด็จการ และชนะ ดังนั้นถ้านิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ต้องการล้มเผด็จการของห้องเชียร์ และรุ่นพี่ ก็คงต้องเรียนบทเรียนจากอดีต คนหนุ่มสาวไทยสามารถล้มเผด็จการได้ และเคยยกเลิกระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยด้วย แต่ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องรวมตัวกันปฏิเสธความโง่ แล้วพวกรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้าก็จะกลายเป็นมนุษย์น้อยที่น่าสงสารเท่านั้นเอง ดีไม่ดีเขาอาจไหว้เราเป็นการขอบคุณก็ได้เพราะเราสามารถปลดแอกความโง่จากเขา ได้ สิ่งที่สำคัญคือ นิสิตนักศึกษาต้องทำเอง ไม่ใช่ไปหวังว่าคนอื่นหรือใครที่ไหนจะทำให้ อย่าลืมว่าคนสามารถเอาแอกออกจากควายได้ แต่เนื่องจากควายเอาแอกออกเองไม่ได้ ควายจำต้องเป็นทาสของมนุษย์ตลอดกาล*หลังการล้มเลิกระบบโซตัส มีทางเลือกให้กับชีวิตของเรามากมาย ในหมู่นักศึกษาเราจะรักกันโดยไม่แบ่งแยกคณะ ไม่แบ่งแยกสถาบัน เราควรเลิกการรับน้อง แล้วเอาเวลาไปศึกษาโลก และต่อสู้เพื่อสังคม ที่ยังมีผู้ได้รับความอยุติธรรมอยู่ค่อนโลก ค่อนประเทศ แล้วเอาเวลาไปพักผ่อน เล่นกีฬาเล่นเกม มันยังมีประโยชน์กว่าการกดขี่นักศึกษากันเองเป็นไหนๆ !!!*
บทความจาก อาจารย์ป่วย อึ้งภากรณ์ เนื้อหาภายในบทความ ข้าพเจ้าไม่ได้ปรับ หรือแก้ไข แต่มีการเอาเทคนิคของโซเชี่ยนเน็ตเวิร์ค นำลิงค์ ยูทูป มาอ้างอิงประกอบบทความ เพื่อให้ได้ครอบคลุมเนื้อหา มิได้ลบหลู่อาจารย์แต่อย่างใด ทั้งนี้เนื้อหาภายในบทความคงเป็นประโยชน์แก่ชนรุ่นหลัง
ขอขอบพระคุณด้วยอาจาร์ย์ใจคาระวะที่ให้ความรู้แก่ชนรุ่นหลัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น